ความชื้น (Humidity) คือปริมาณไอน้ำที่อยู่ในอากาศ โดยยิ่งมีปริมาณของไอน้ำในอากาศมากเท่าไรความชื้นในอากาศ (Air Humidity) ก็จะยิ่งมากขึ้นตาม สำหรับในสภาพแวดล้อมบางแห่งอาจจะต้องระมัดระวังและมีการควบคุมความชื้นในอากาศเพราะอาจส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายตามมาได้ ในบทความนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความชื้นในอากาศเพิ่มเติมกันว่า ความชื้นในอากาศคืออะไร? เราจะวัดความชื้นในอากาศยังไงได้บ้าง รวมไปถึงปัญหาของความชื้นในอากาศที่อาจส่งผลกระทบตามมาได้
สารบัญบทความ
- ความชื้นในอากาศคืออะไร?
- ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความชื้นในอากาศ
- ระดับความชื้นในอากาศที่เหมาะสมอยู่ที่เท่าไหร่?
- วัดความชื้นในอากาศได้ด้วยวิธีไหน?
- สรุปเกี่ยวกับความชื้นในอากาศ
ความชื้นในอากาศคืออะไร?
ความชื้นในอากาศ (Air Humidity) คือ ปริมาณของไอน้ำที่อยู่ในอากาศโดยหน่วยวัดความชื้นจะเป็นมวลไอน้ำต่อปริมาตรของอากาศในหน่วย กรัมต่อลูกบาศก์เมตร (g/m3) โดยความชื้นในอากาศจะมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิของอากาศ ดังนั้นหาก อากาศมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะสามารถรองรับไอน้ำได้มากขึ้น ในขณะที่อากาศที่มีอุณหภูมิต่ำจะสามารถรองรับไอน้ำได้น้อยลง
ทั้งนี้จะมีความชื้นอีกค่าหนึ่งที่เรามักได้ยินกันนั่นคือ “ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity)” โดยค่าความชื้นสัมพัทธ์คือ อัตราส่วนของปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศต่อปริมาณไอน้ำอิ่มตัวที่อุณหภูมิและความดันบรรยากาศนั้น ๆ โดยจะวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ซึ่งความชื้นสัมพัทธ์จะบอกถึงปริมาณไอน้ำที่มีอยู่จริงในอากาศเทียบกับปริมาณไอน้ำที่อากาศสามารถรองรับได้มากที่สุดที่อุณหภูมิและความดันบรรยากาศนั้น ๆ
>>อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดความชื้นในอากาศด้วยสถานีวัดคุณภาพอากาศ
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความชื้นในอากาศ
เป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ
ความชื้นในอากาศอาจส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอาการภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว ความชื้นในบรรยากาศที่สูงอาจทำให้สารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง ไรฝุ่น เชื้อรา แบคทีเรีย เจริญเติบโตได้ดีและแพร่กระจายได้ง่ายยิ่งขึ้น และส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการต่าง ๆ อย่างเช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม ไอ หายใจลำบาก เจ็บคอ หรือหอบหืด เป็นต้น
นอกจากนี้ความชื้นในอากาศที่สูงยังอาจทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจบวม ซึ่งอาจส่งผลให้หายใจลำบากและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจได้อีกด้วย
อาจทำให้เกิดเชื้อราตามผนังและขอบหน้าต่าง
การเกิดเชื้อราตามผนังหรือขอบต่าง ๆ เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่มักเกิดขึ้นกับทุกบ้าน โดยเฉพาะห้องที่มีความชื้นในอากาศสูงอย่างห้องน้ำหรือจุดที่มีการรั่วซึมของน้ำ ดังนั้นต้องหมั่นตรวจเช็กพื้นที่ที่มีรอยรั่วซึมและมีการระบายความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา
เป็นต้นเหตุให้วัสดุที่ทำจากไม้ผุกร่อนหรือเสียรูป
สำหรับวัสดุบางประเภทอย่างไม้ เหล็ก หรือกระดาษอัด เมื่อได้สัมผัสกับน้ำหรือได้รับความชื้นมาก ๆ วัสดุประเภทนี้จะทำการดูดซับความชื้นในอากาศเข้าไปในเนื้อวัสดุหรือก่อให้เกิดสนิมได้ และส่งผลให้วัสดุเกิดการผุกร่อนและเสียรูปได้
ส่งผลให้สีหลุดลอกจากผนังหรือวอลล์เปเปอร์
ความชื้นในอากาศสามารถส่งผลให้สีหลุดลอกจากผนังหรือวอลล์เปเปอร์ได้ เนื่องจากความชื้นจะทำให้สีหรือวอลล์เปเปอร์เกิดการบวมหรือพองตัวขึ้น ส่งผลให้กาวที่ใช้ติดกับผนังหรือวอลล์เปเปอร์เสื่อมสภาพและหลุดออกในที่สุด
ทำให้อุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าเกิดความเสียหาย
อย่างที่ทราบกันดีว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มักจะไม่ถูกกับน้ำ ซึ่งความชื้นที่เกิดจากการทำน้ำหรือของเหลวหกใส่เครื่องใช้ไฟฟ้า อาจส่งผลให้เกิดการลัดวงจรหรือแผงวงจรช็อตเสียหายได้
เกิดกลิ่นอับชื้นตามเสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน
ความชื้นในอากาศสามารถทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นตามเสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้ เนื่องจากความชื้นในอากาศที่สูงจะส่งผลให้เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเชื้อราและแบคทีเรียเหล่านี้จะปล่อยสารระเหยที่มีกลิ่นเหม็นอับออกมา ส่งผลให้เสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านมีกลิ่นเหม็นอับ
ระดับความชื้นในอากาศที่เหมาะสมอยู่ที่เท่าไหร่?
หลังจากที่ได้ทราบถึงผลกระทบที่เกิดจากความชื้นในอากาศกันไปแล้ว ถัดมาเราจะมาทำความเข้าใจกับระดับความชื้นอากาศที่เหมาะสมกับคนกัน โดยค่าความชื้นในอากาศที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 40% – 60%RH ถ้าหากมีค่าความชื้นที่ต่ำกว่า 40%RH จะส่งผลให้อากาศแห้งและอาจส่งผลให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่หากมีค่าความชื้นในอากาศสูงมากกว่า 60%RH จะส่งผลให้อากาศชื้นมากและอาจก่อให้เกิดเชื้อราได้
วัดความชื้นในอากาศได้ด้วยวิธีไหน?
สำหรับการวัดค่าความชื้นในอากาศสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือไฮโกรมิเตอร์ (Hygrometer) ซึ่งไฮโกรมิเตอร์จะมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานดังนี้
- ไฮโกรมิเตอร์แบบเส้นผม (Hair hygrometer) เครื่องวัดโดยใช้เส้นผมในการวัดโดยจะใช้หลักการที่ว่าเส้นผมจะยืดตัวหรือหดตัวตามความชื้นในอากาศเส้นผมจะยาวขึ้นเมื่อความชื้นในอากาศสูงและสั้นลงเมื่อความชื้นในอากาศต่ำ
- ไฮโกรมิเตอร์แบบแผ่นวาร์มเมอร์ (Wet-bulb hygrometer) ใช้หลักการที่ว่าน้ำจะระเหยจากแผ่นวาร์มเมอร์และดูดซับความชื้นจากอากาศ ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างแผ่นวาร์มเมอร์และแผ่นแห้งจะสัมพันธ์กับความชื้นสัมพัทธ์
- ไฮโกรมิเตอร์แบบดิจิตอล (Digital hygrometer)
ใช้หลักการทางไฟฟ้าในการวัดความชื้นในอากาศ โดยมีช่วงวัดค่าความชื้นสัมพัทธ์ที่กว้างเหมาะสำหรับการใช้เป็นเครื่องวัดความชื้นทั่วไปจนถึงเครื่องวัดอุตสาหกรรม
สรุปเกี่ยวกับความชื้นในอากาศ
ความชื้น หรือ Moisture คือ สภาวะที่มีไอน้ำอยู่ในอากาศโดยที่ความชื้นในอากาศจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความดันบรรยากาศ เมื่ออุณหภูมิสูงอากาศจะรับไอน้ำได้มากกว่าอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ และความดันบรรยากาศสูงอากาศจะรับไอน้ำได้มากกว่าความดันบรรยากาศต่ำ ซึ่งในบางพื้นที่หรือบางสภาพแวดล้อมจะต้องมีการควบคุมความชื้นเพื่อต้องกันผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกใช้อุปกรณ์ตรวจวัดความชื้นจึงต้องเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและมีความแม่นยำสูง
หากคุณกำลังมองหาเครื่องวัดความชื้นหรือเครื่องมือวัดสภาพอากาศคุณภาพดี ปลอดภัย สามารถวัดค่าความชื้นในอากาศได้อย่างแม่นยำ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และเลือกซื้อสินค้าสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมของ PICO ได้ที่:
บริษัท เพทโทร-อินสตรูเมนท์ จำกัด (สำนักงานใหญ่)
ที่อยู่ : เลขที่ 7/409 ซอยวิภาวดีรังสิต 36 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 (ประเทศไทย)
เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 08:30-17:30 น. (ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์)
Tel : (+66)2-939-5711, (+66)2-513-2333
Email : marketing@pico.co.th
Facebook : https://www.facebook.com/Petro.Instruments/